วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Spider CV Series





คุณสมบัติ
- ชิ้นงานหล่อสำเร็จรูป ด้วยกระบวนการระบบ Lost wax casting
- Spider glass fitting ใช้สำหรับยึดกระจกตกแต่งภายใน และอาคารสูง
วัตถุดิบ
- สแตนเลส Stainless steel SUS304, SUS316, CF8, CF8M
-หรือหล่อตามเกรดที่ต้องการ คุณภาพมาตรฐาน ASTM.
Finshed
-ผิวพ่นทราย Sand blast, ผิวซาติน Hair line, ผิวกระจก Mirror, ผิวซ๊อตเงาด้วยไฟฟ้า Electrolysis ฯลฯ

http://www.hpihightech.com/

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สแตนเลสคืออะไร

สเตนเลส มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า “เหล็กกล้าไร้สนิม” แปลจากภาษาอังกฤษว่า stainless steel

สแตนเลสเป็นวัสดุที่มีธาตุหลักผสมรวมกันอยู่ระหว่าง “เหล็ก”และ “โครเมี่ยม” โดยมีตัวกำหนดว่า ถ้าเป็นสเตนเลสได้นั้นจะต้องมีปริมาณคาร์บอนที่ผสมอยู่น้อยว่า 0.1 % และส่วนผสมของโครเมี่ยมจะต้องไม่น้อยกว่า 10.5%

               ดังนั้นคำว่า "ธาตุสเตนเลส" นั้นไม่มีไม่มี เพราะสแตนเลสเป็นการรวมกันของธาตุหรือเรียกว่าโลหะผสมนั้นเอง
               สแตนเลสไม่เป็นสนิมอันเนื่องมาจากการทำปฏิกิริยากันระหว่างออกซิเจนในอากาศกับโครเมียม (Cr) ในเนื้อสเตนเลส เกิดเป็นฟิล์มบางๆ เคลือบผิวไว้ ทำหน้าที่ปกป้องการเกิดความเสียหายให้กับตัวเนื้อสเตนเลสได้เป็นอย่างดี ปกป้องการเกิด Corrosion และไม่ชำรุดหรือสึกกร่อนง่ายอย่างโลหะทั่วไป

               โครเมี่ยมในสแตนเลสเป็นตัวช่วยหลักเพื่อไม่ให้เกิดอ๊อกไซด์ (สนิม) ซึ่งสเตนเลสในตระกูล 400 (สเตนเลสที่มีเลข 4 นำหน้าโค๊ดทั้งหมด) จะไม่มีธาตุนิเกิลผสมอยู่เลย และที่ใช้กันอยู่หลายๆ เกรด เช่น สเตนเลสเกรด 444,430 (18/0), 430Ti, 439, 409,409L, 420J1, 420J2 เป็นต้น ขอยกตัวอย่าง สเตนเลสเกรด430 ที่อยู่ในเครื่องซักผ้าชนิดปั่นหน้า ที่ถังส่วนที่เจาะเป็นรูเล็กๆ จะใช้สเตนเลสตัวนี้ เพราะราคาถูกและสามารถใช้งานได้ดีกับผลิตภัณฑ์นี้ ถ้าเรานำแม่เหล็กไปทดสอบ จะดูดติดอย่างแรง

               สแตนเลสตระกูล 400 จะประกอบไปด้วย เหล็ก คาร์บอน และโครเมี่ยม 17% ถ้าเราดูจากโค๊ดจะเขียนว่า 17-0 นั่นหมายความว่า มีโครเมี่ยมอยู่ 17% และนิเกิล 0%

               ถ้าเราเห็นโค๊ด 304L (18-8), 18-9, 304(18/10) ถ้า 18-8 นั่นหมายความว่า โครเมี่ยม 18% และนิเกิล 8% ซึ่งอยู่ในตระกูล 300 (สเตนเลสที่โค๊ดใช้เลข 3 ขึ้นก่อนหน้าทั้งหมด)

               บางคนก็เลยคิดว่า ในเมื่อโครเมี่ยมเป็นตัวช่วยป้องกันการเกิดสนิม ก็ใช้เหล็กชุบโครเมี่ยมดีกว่าถูกกว่าสเตนเลสเยอะ คำตอบคือการนำเหล็กมาชุบโครเมี่ยมเป็นแค่การเคลืบผิวเหล็กไม่ให้เนื้อเหล็กสัมผัสอาการ การชุบไม่ได้ทำให้โึครเมี่ยมผสมเป็นเนื้อเดียวกันกับเหล็ก ดังนั้นหากเกิดการกระเทาะของโครเมี่ยมจะทำให้ผิวเหล็กสัมผัสอ๊อกซิเจนจึงเกิดสนิม แต่ถ้าเป็นสเตนเลส ธาตุโครเมี่ยมจะถูกผสมในเหล็กในขณะที่เหล็กเป็นของเหลว โดยโครเมี่ยมจะผสมไปทั่วทุกอณูของน้ำเหล็กเลย จึงไม่มีทางที่โครเมี่ยมจะกระเทาะออกจากเหล็กได้

กลุ่มหลักใหญ่ๆ ของสเตนเลส

              1. กลุ่มเฟอริตริก (Ferritic) เรียกอย่างง่าย ๆ ว่า สเตนเลสตระกูล 400 เป็นสเตนเลสที่มีปริมาณคาร์บอนน้อยกว่า 0.1 % และไม่มีนิเกิลผสมอยู่เลย ทำให้กลุ่มนี้ราคาถูก สเตนเลสตระกูลนี้จะมีแรงปฎิกริยาต่อการดูดของแม่เหล็ก ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เราใช้งานกันอยู่จากสเตนเลสตระกูลนี้ คือ ช้อนที่ใช้รับประทานอาหาร เช่นช้อนสั้นหรือช้อนแกง ไม่ค่อยเคยเห็นสนิมที่เกิดขั้นเลย เพราะว่ามีการทำความสะอาด คือทานอาหารเสร็จทำความสะอาดช้อนนั้น การล้างเป็นการกำจัดคราบไขมันที่เกาะอยู่บนผิวของสเตนเลสออกไปทำให้อ๊อกซิเจนในอากาศสามารถทำปฎิกริยากับโครเมี่ยมในผิวสเตนเลส เพื่อสร้างฟิมล์ป้องกันสนิม แต่ถ้าเราไม่ล้างซิ แน่นอนอ๊อกซิเจนไม่สามารถผ่านชั้นฟิมล์ไขมันได้ การทำปฎิกริยาระหว่างอ๊อกซิเจนในอากาศกับผิวของสเตนเลสย่อมไม่สามรถเกิดขึ้นได้ เกิดสนิมแน่นอนนอกจากนั้นสเตนเลสในตระกูลนี้ก็ยังสามารถนำมาผลิตถังเครื่องซักผ้าในส่วนตัวถังที่เจาะรู

             2.  กลุ่ม มาร์เทนซิตริก (Martensitic) ก็ยังอยู่ในตระกูล 400 แต่จะต่างกันที่เปอร์เซ็นต์ของคาร์บอนที่ผสมอยู่มากกว่า 0.1% ทำให้แข็งกว่า ตัวอย่างเช่น ใบมีดโกนหนวด,มีดหมอผ่าตัด, มีดแมกไกเวอร์

             3. กลุ่ม ออสเตนเนตริก (Austennitic) เรียกว่าสเตนเลสตระกูล 300 สเตนเลสในกลุ่มจะเพิ่มธาตุนิเกิลผสมผลที่เกิดขึ้นก็คือสเตนเลสในกลุ่มนี้จะไม่ตอบสนองกับปฎิกริยาแรงดูดของแม่ เหล็ก เมื่ออยู่ในสภาพปกติต่อเมื่อมีการตัด การเชื่อม การเจียร การดัดโค้ง การแมทชีนนิ่ง แม้แต่การปั๊มขึ้นรูปซึ่งจะทำให้บริเวณที่เกิดการกระทำดังกล่าว เกิดปฎิกริยาตอบสนองกับแรงแม่เหล็กได้ แต่จะไม่แรงเท่ากับตระกูล 400 นอกจากนี้สแตนเลสกลุ่มนี้มีความสามารถในการขึ้นรูปได้ดีเพราะมีการคืบและยืดตัวได้จากจากส่วนผสมของธาตุนิเกล 

การตรวจสอบแบบพื้นฐาน

             จะทดสอบอย่างไรว่าเป็นสเตนเลสเกรด 304 จริงหรือเปล่า เพื่อแยกระหว่างสเตนเลสตระกูล 200 เช่น 201,202,201 Modify และ 204Cu นั้นจะใช้น้ำยาทดสอบหาค่าธาตุแมงกานิส ถ้าน้ำยาเปลี่ยนเป็นสีชมพูแสดงว่ามีเปอร์แมงกานิสผสมอยู่มาก นั่นแสดงว่าสเตนเลสนั้นอยู่ในตระกูล 200 ถ้าไม่เปลี่ยนสี นั่นแสดงว่าอยู่ในกลุ่ม 300
             ส่วนเรื่องแม่เหล็กดูดหรือไม่ดูดนั้น เกี่ยวกับเกรดของ stainless และกระบวนการผลิต ถ้าเป็น 304 แม่เหล็กจะไม่ดูด แต่พอ เอาไปขึ้นรูปแล้ว แม่เหล็กอาจจะดูดได้เหมื่อนกัน แต่จะดูดอ่อนๆ ไม่รุนแรง แต่ถ้าเป็น 430 แม่เหล็กมันดูดตั้งแต่มาเป็นแผ่นๆแล้วและจะดูดแรงกว่า 304 ที่ขึ้นรูปแล้ว

ความแตกต่างระหว่างเหล็กกับสเตนเลสเมื่อออกซิเจนทำปฎิกริยาเป็นอย่างไร


              “ถ้าขาดอ๊อกซิเจน จะไม่เกิดฟิมล์ป้องกันสนิม “สเตนเลสตาย”” สเตนเลสเองเปรียบเสมือนกับคนตรงต้องการอากาศใช้ในการหายใจ เพื่อดำรงชีวิต ในอากาศจะประกอบด้วยก๊าซต่างๆ หลายชนิด แต่มีตัวหนึ่งคือ ”ก๊าซอ๊อกซิเจน” เป็นตัวสำคัญที่สุด เพราะร่างกายมนุษย์เราต้องการมันเพื่อไปฟอกเม็ดเลือด เช่นเดียวกับสเตนเลส ก็ต้องการอ๊อกซิเจน มาทำปฎิกริยากับโครเมี่ยมที่ผสมอยู่ในเนื้อสเตนเลส ทำให้เกิดฟิมล์บางๆ ใสๆ มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ทางโลหะวิทยาจะเรียกฟิมล์ตัวนี้ว่า “Passive film” (พาสซิฟ ฟิมล์) ซึ่งเป็นตัวช่วยป้องกันการกัดกร่อนของสเตนเลสนั่นเอง (สนิม) ฟิมล์นี้จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เมื่ออากาศสัมผัสกับผิวของสเตนเลส โดยสเตนเลสทุกเกรด ไม่ว่าเกรดสูง หรือเกรดต่ำ จะสร้างฟิลม์ได้ทั้งสิ้น ฟิมล์นี้สามารถหลุดออกได้ เมื่อเกิดการกระแทก กระเทาะ ตัด เจียร ขีดข่วน แต่ฟิล์มก็จะสร้างขึ้นใหม่เมื่อโดนอากาศอีกครั้ง

               ดังนั้นต้องอย่าปิดกั้นไม่ให้ผิวสเตนเลสขาดอ๊อกซิเจน เพื่อเขาจะได้สร้างฟิมล์ป้องกันสนิม การทาน้ำมัน พ่นสี การติดสติกเกอร์ ต้องหลีกเลี่ยง แล้วถ้านำสเตนเลสไปแช่น้ำล่ะ เป็นสนิมไหม คำตอบก็คือไม่เป็นเพราะอ๊อกซิเจนในน้ำก็ทำปฎิกริยากับผิวสเตนเลสเช่นกัน มิฉะนั้นแล้วถังน้ำสเตนเลสก็ขายกันไม่ได้แน่นอน ยกเว้นอย่านำไปใช้กับน้ำกร่อย น้ำเค็ม น้ำเปรี้ยว เกิดสนิมแน่นอน

              เมื่อเหล็กทำปฎิกริยากับออกซิเจนในอากาศ (แม้กระทั่งนำเหล็กไปแช่ในน้ำก็เป็นสนิมได้เพราะอย่าลืมว่าในน้ำก็มีออกซิเจนเหมือนกัน) จะทำให้เกิดสนิมสีแดง เรียกว่า “เฟอริคอ๊อคไซด์ “ ทำให้เหล็กเกิดการผุกร่อนชำรุดเสียหาย การป้องกันการผุกร่อนของเหล็ก คือ ทา-พ่นสี ชโลมน้ำมันจารบี รมดำ ชุปโครเมี่ยม ฯลฯ นั่นแสดงให้เห็นว่าเหล็กนั้นไม่ชอบอากาศ หรืออ๊อกซิเจน
              
สนิมของเหล็กจะมีความพรุนลักษณะคล้ายกับฟองน้ำ การเกิดสนิมจะเกิดขึ้นที่ชั้นแรกที่ทำปฎิกริยากับอ๊อกซิเจนในอากา ศก่อน แล้วจะกินลงไปเป็นชั้น ๆ จนกระทั่งหมดเนื้อเหล็ก ถ้าเราไม่หยุดยั้งไว้ น้ำหนักของเหล็กจะเบาลงเรื่อยๆ และชั้นสนิมจะเป็นแผ่นๆ เหมือนขนมชั้นต่างกับสเตนเลส ถ้าหากเกิดสนิมขึ้นเป็นจุดๆ และจะเจาะลงแนวลึกเป็นโพรงสนิมอยู่ภายในเนื้อสเตนเลสลักษณะคล้ายกับโพรงหนู

              วิธีการตรวจสอบว่าเป็นสนิมระดับไหนให้ใช้ปลายเล็บขูดไปที่ตัวสนิมให้หลุดออก และมองดู ณ.จุดที่สนิมขึ้นนั้นว่ายังคงมีจุดรอยสนิมหรือไม่ ถ้าไม่มีแสดงว่าอาจจะเป็นเศษเหล็ก ฝุ่นเหล็กปลิวมาเกาะทำให้เศษเหล็กนั้นเป็นสนิม ซึ่งมาจากการถ่ายกระแสไฟฟ้าสถิตย์ระหว่างสเตนเลส กับเศษเหล็กทำให้เกิดสนิมนั่นเอง ดังนั้นอย่าใช้ตาข่ายเหล็กกันน้องแมวเข้าออกจากบ้านที่มีรั้วประตูเป็นสแตนเลสเป็นอันขาด เพราะจะทำให้งานสเตนเลสของคุณเป็นสนิมไปด้วย ควรใช้เป็นตะข่ายแบบพลาสติกจะดีกว่า ที่เห็นบ่อยคือการยึดท่อสเตนเลสกับฉากสเตนเลสโดยใช้สกรูและน๊อตเหล็กในเวลาไม่เกิน 2-3 เดือนหลังการติดตั้ง ซึ่งสกรูและน๊อตเหล็กจะเกิดสนิมขึ้นและจะส่งผลไปยังสเตนเลสให้เป็นสนิมตาม ลักษณะเช่นนี้ทางศัพท์เทคนิคด้านโลหะ วิทยาจะเรียกว่า “แกลวานิค ครอโลชั่น” (Galvanic Corrosion) เป็นการถ่ายเทศักย์ไฟฟ้า หรือไฟฟ้าสถิต ในโลหะที่แตกต่างกันสองชนิด เพราะฉะนั้นเราไม่สมควรที่จะลดต้นทุนของเราด้วยวิธีนี้ซึ่งจะทำให้เราต้องมาสูญเสียค่าใช้จ่ายในการที่จะมาแก้งาน ซึ่งบางคนนำสกรูและน๊อตเหล็กมาเปลี่ยนใหม่ผ่านไปสักพักก็จะเป็นอย่างนี้อีกเช่นเดิม และทำให้ผู้ใช้สเตนเลสขาดความเชื่อมั่นที่จะใช้สเตนเลสอีกต้องไ

    

ทำไมต้องใช้สแตนเลสสตีล (Stainless steel)

           เหตุเพราะสแตนเลสมีความต้านทานต่อการกัดกร่อน (Corrosion resistance) สแตนเลสทุกเกรดมีความต้านทานต่อการกัดกร่อนสูง แม้เป็นสแตนเลสเกรดผสมต่ำ (Low alloyed grade) อาทิเกรด 201 ก็สามารถต้านทานต่อการกัดกร่อนในบรรยากาศปกติ สำหรับสแตนเลสเกรดผสมสูง (Hight alloyed grade) อาทิเกรด 316, 304 นั้นมีความต้านทานต่อการกัดกร่อนในสภาพกรด ด่าง สารละลาย บรรยากาศคลอไรด์ได้เกือบทั้งหมด แม้จะมีอุณหภูมิและความดันในการใช้งานสูงก็ตาม สแตนเลสบางเกรดต้านทานต่อการเกิดสะเก็ดและคงความแข็งแรงที่อุณหภูมิสูงมาก ขณะที่ยังคงความเหนียวแน่น (Toughness) ในการใช้งานที่อุณหภูมิติดลบ
           อีกทั้งสแตนเลสง่ายต่อการสร้างหรือประกอบ (Ease of fabrication) จึงสามารถตัด เชื่อม ขึ้นรูป ตบแต่งทางกลหรือการประกอบอื่นๆ ได้ง่าย ทั้งสแตนเลสนั้นมีความแข็งแรง ซึ่งยิ่งเพิ่มความแข็งแรงได้จากการขึ้นรูปเย็น (Cold work hardening) ทำให้สามารถออกแบบงานเพื่อลดความหนา น้ำหนัก และราคา
           และด้วยเหตุที่สแตนเลสมีความสวยงามน่าดึงดูด โดยสามารถทำให้ผิวสวยงามได้หลายวิธี เช่นการทำให้ผิวสีทอง บรอนซ์ เขียว เงิน และดำ ด้วยวิธีชุบเคลือบผิวด้วยเคมี-ไฟฟ้า
           สำหรับคุณสมบัติด้านสุขศาสตร์ (Hygienic properties) เป็นอีกเรื่องที่ทำให้สแตนเลสเป็นที่นิยมนำมาใช้ เพราะความง่ายต่อการดูแลรักษาและการทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นในงานโรงพยาบาล เครื่องใช้ในครัว ด้านอาหารและเภสัชกรรม วงจรชีวิตการใช้งานของสแตนเลส คือ ทนทาน การบำรุงรักษาต่ำ และค่าใช้จ่ายต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาในการใช้งาน ทั้งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycles)  ได้ง่ายและเศษสแตนเลสมีมูลค่าสูง


สภาพผิวของสแตนเลส    

          
 




            No. 1 เป็นผิวที่ทำการรีดร้อนหรือรีดเย็น/อบอ่อน หรือปรับปรุงด้วยความร้อน โดยที่คราบออกไซด์ไม่ได้ถูกขจัดออก โดยทั่วไปใช้กับงานที่ทนความร้อน ลักษณะจะหยาบ และด้านเป็นผิวหยาบเล็กน้อย

            2D หลังจากการรีดเย็นโดยลดความหนาลง ผ่านการอบอ่อนและการกัดผิวโดยกรดลักษณะผิวสีเทาเงินเรียบเป็นมัน แต่ไม่เงา

            2B เป็นผิว 2D ที่ผ่านลูกรีดขนาดใหญ่กดทับปรับความเรียบ เพิ่มความเงาผิวเงาสะท้อนปานกลาง ผลิตโดยวิธีการรีดเย็น ตามด้วยการอบนำอ่อนขจัดคราบออกไซด์ และนำไปรีดเบาๆ ผ่านไปยังลูกกลิ้งขัด ซึ่งเป็นวิธีการทั่วไปของการรีดเย็น ผิวที่ได้ส่วนมากจะอยู่ในระดับ 2B เป็นผิวเรียบเป็นมัน และเงาเล็กน้อย

 


            BA ผ่านกระบวนการรีดเย็นโดยความหนาลดลงทีละน้อยๆ ผ่านการอบอ่อนด้วยก๊าซไฮโดรเจน เพื่อป้องกันกันการออกซิเดชั่นกับออกซิเจนในอากาศ ผิวมันเงา สะท้อนความเงาได้ดี ผิวผลิตภัณฑ์สเตนเลสจะกระทำด้วยวิธี นี้ ซึ่งจะมีเครื่องหมาย BA หรือ No.2BA, A ซึ่งผิวอบอ่อนเงา จะมีลักษณะเงากระจก ซึ่งเริ่มต้นจากการรีดเย็น อบอ่อนในเตาควบคุมบรรยากาศ ผิวเงาที่เห็นจะเป็นการขัดผิวด้วยลูกกลิ้งขัดผิว หรือเจียรนัยผิวตามเกรดที่ต้องการ ผิวอบอ่อนเงาส่วนมากจะใช้กับงานถาปัตยกรรม ที่ต้องการผิวสะท้อน

 


             No. 4 เป็นสภาพผิว 2B ที่ผ่านการจัดถูด้วยกระดาษทรายเบอร์ 120-220 โดยค่าความหยาบขึ้นอยู่กับแรงกด, ขนาดของอนุภาคเม็ดทราย และระยะเวลาการใช้งานของกระดาษทราย ผิว No.4 เป็นสภาพผิวที่สนองต่อการนำไปใช้งานทั่วไป เช่นร้านอาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว อุปกรณ์รีดนม เป็นผิวเป็นลายขัดเส้นสั้น ๆ หรือเรียกอีกอย่างว่าลายขนแมว

 


             No.8 หรือผิว Mirror เป็นสภาพผิว 2B, BA ขัดด้วยผ้าขัดอย่างละเอียดมากขั้นตามลำดับ เช่น #1000, ผ้าขนสัตว์ โดยมีผงขัดอะลูมิเนียมและโครเมียมออกไซด์ ผิว No.8 ส่วนมากจะเป็นผิวเงาสะท้อนคล้ายกระจกเงา ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะเป็นสเตนเลสชนิดแผ่นโดยผิวจะถูกขัดด้วยเครื่องขัด ละเอียด นำไปใช้กับงานตกแต่งทางด้านสถาปัตยกรรม และงานที่เน้นความสวยงาม

 


             HAIR LINE (HL) ผิวลายขัดเป็นเส้นยาวตลอดแผ่น หรือ เรามักรียกว่า ลายเส้นผม ซึ่งยังเเยกเเยะในรายละเอียดลงไปอีก

  


             Vibration Finish เเละ Titanium Coating ผิวลายพิเศษ เเละ การเคลือบสีโลหะเเบบต่างๆ

             ปกติสเตนเลสถ้าทำสีแล้วจะไม่เกาะ เนื่องจากผิวที่เรียบและลื่น ทำให้เวลาพ่นหรือทาสีจะไม่คงทนอีกทั้งไม่เป็นผลดีต่อการสร้างฟิมล์ป้องกันสนิมของสเตนเลส แต่ถ้าประสงค์จะทำจริง ๆ ให้ใช้น้ำยา"วอชไฟท์เมอร์"พ่นที่ผิวก่อนรอจนแห้งแล้วจึงใช้สีจริงพ่นหรือทาตาม ถ้าเป็นของ JBP ที่เขียนข้างกระป๋องว่า V-4(A)

ข้อดีของสเตนเลสที่มีผิวเงา

             ในการนำสเตนเลสไปใช้งานภายนอกนั้น ควรจะใช้สเตนเลสที่มีผิวเงาจะดีที่สุดเพราะผิวจะสะสมคราบฝุ่นละอองได้น้อยกว่า อีกทั้งสามารถทำความสะอาดผิวได้ด้วยตัวเอง (Self Cleaning) เมื่อโดนแรงลม และการชะล้างจากน้ำฝน
  
    

วิธีทำความสะอาดสแตนเลสสำหรับคราบสกปรกทั่วๆ ไป

          รอยนิ้วมือ ล้างด้วยสบู่ ผงซักฟอก หรือสารละลาย เช่น แอลกอฮอล์ หรืออาเซโทน ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง           
            น้ำมันคราบน้ำมัน ล้างด้วยสารละลายไฮโดรคาร์บอน/ออร์กานิก (เช่น แอลกอฮอล์) แล้วล้างออกด้วยสบู่/ผงซักฟอกอย่างอ่อน และน้ำ ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง แนะนำให้จุ่มชิ้นงานให้โชกก่อนล้างในน้ำสบู่อุ่นๆ 
            สี ล้างออกด้วยสารละลายสี ใช้แปลงไนล่อนนุ่ม ๆ ขัดออก แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็คให้แห้ง
            เปลี่ยนสีเนื่องจากความร้อน ทาครีม (เช่น บรัสโซ) ลงบนแผ่นขัดที่ไม่ได้ทำจากเหล็ก แล้วขัดคราบที่ติดบนสเตนเลสออก ความร้อนขัดไปในทิศทางเดียวกันกับพื้นผิว ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง
            ป้ายและสติกเกอร์   จุ่มลงในน้ำอุ่นๆ ลอกเอาป้ายออกแล้วถูกาวออกด้วยเบนซิน ล้างออกด้วยสบู่และน้ำจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำอุ่น เช็คให้แห้งด้วยผ้านุ่ม ๆ
            รอยน้ำ/มะนาว จุ่มลงในน้ำส้มสายชูเจือจาง (25%) หรือกรดไนตริก (15%) ล้างให้สะอาด ล้างออกด้วยสบู่และน้ำ จากนั้นล่างให้สะอาดด้วนน้ำอุ่น เช็คให้แห้งด้วยผ้านุ่ม ๆ
            คราบชา กาแฟ ล้างด้วยโซดาไบคาร์บอเนตในน้ำ ล้างออกด้วยสบู่และน้ำ จากนั้นล้างให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น เช็คให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ
            คราบสนิม จุ่มในน้ำอุ่นที่มีส่วนผสมสารละลายกรดไนตริก ในอัตราส่วน 9 ต่อ 1 ประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ล้างออกด้วยน้ำให้สะอาดหรือล้างผิวด้วยสารละลายกรดออกชาลิค ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็คให้แห้งหรือต้องใช้เครื่องมือล้างหากคราบสนิมติด แน่น
   

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป

                ผงซักฟอก / สบู่ /น้ำยาทำความสะอาดกระจกที่ใช้ในบ้าน  ใช้ล้างสเตนเลสได้เป็นครั้งคราว แต่ต้องล้างออกด้วยน้ำเย็นให้หมด
                ยาฆ่าเชื้อ ในบ้านและในอุตสาหกรรม  ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อเจือจางโดยจำกัดจำนวนครั้งที่ใช้ ต้องล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด
                สารละลายแอลกอฮอล์และอะเซโทน  สำหรับคราบที่ล้างด้วยสบู่ไม่ออก เช่น สี และคราบมันจากสารอนินทรีย์ จากนั้นล้างด้วยสารละลายแล้วเช็ดออกด้วยสบู่ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
                กรดทำความสะอาด   สารละลายทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของฟอสฟอรัสและไนตริก   เป็น วิธีสุดท้ายที่ควรใช้ทำความสะอาดสเตนเลส ล้างออกด้วยน้ำร้อนหลายๆครั้ง โดยใช้ความระมัดระวัง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสำหรับการใช ้ที่ถูกต้องและปลอดภัย
                ทำความสะอาดโดยใช้เครื่องมือการยิงผิวหน้า,การขัดผิวหน้า,การขัดด้วยลวด, การใช้ผงขัด        คราบ ที่ล้างออกยาก ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเชิงกล ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องปลอดออกไซต์หลัก และระวังไม่ให้เกิดคราบขึ้นอีก การใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะทำให้ พื้นผิวสตนเลสมีการเปลี่ยนแปลง
                      
ขอขอบคุณข้อมูลหลัก อ.กนก ไร้สนิม

ขอขอบคุณภาพประกอบหลัก บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) และ Thai Unique Coil Center Public company limited

Hightech Precision Industrial Co., Ltd.


วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

ประเภทของกระจก

ประเภทกระจก

1.กระจกแผ่น (Sheet Glass)
กระจกพื้นฐานที่มีการผลิตที่ไม่ซับซ้อน  โดยหลอมกระจกผ่านรางรีด ส่งผลให้ผิวกระจกไม่เรียบ
มีลักษณะเป็นคลื่น และให้ภาพสะท้อนมีลักษณะบิดเบี้ยวความแข็งแรงต่ำ ผิวกระจกเป็นรอยขูดขีด
ได้ง่าย มีราคาถูก แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ กระจกใส กระจกสี และกระจกฝ้า

2.กระจกโฟลต  (Float Glass)
กระจกพื้นฐานก่อนมีการดัดแปลงเป็นกระจกประเภทอื่นๆ การผลิตเกิดจากการหล่อโดยให้น้ำกระจก
ไหลลอยบนผิวดีบุกจึงทำให้การผลิตและการควบคุมคุณภาพค่อนข้างยาก แต่กระจกที่ได้มีความโปร่ง
แสงสูง ฟองอากาศน้อยกว่าประเภทแรก ทนทานต่อรอยขีดขูด และพื้นผิวเรียบสนิททำให้ได้ภาพ
สะท้อนที่สมบูรณ์


3.กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Safety Glass)
กระจกที่มีการผลิตโดยนำกระจก Clear Float Glass มาอบความร้อนอีกครั้ง เมื่อกระจกอ่อน
ตัว แล้วทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็วโดยการเป่าลมเย็นทั้ง 2 ด้าน ซึ่งทำให้กระจกประเภทนี้สามารถรับ
แรงดึงและดัดงอได้มากกว่า Clear Float Glassแต่ไม่สามารถทำการตัดหรือเจาะได้เมื่อแตก
จะเป็นเม็ดเล็กไม่คม(ลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวโพด)ร่วงหล่นออกมาจากกรอบทั้งหมด


4.กระจกกึ่งนิรภัย (Heat Strengthened Glass)
นำกระจก Clear Float Glass มาอบความร้อนอีกครั้ง เมื่อกระจกเริ่มอ่อนตัวก็จะลดอุณภูมิ
เพื่อทำให้เย็นลงอย่างช้าๆจากกรรมวิธีการผลิตลักษณะนี้ส่งผลให้กระจกประเภทนี้สามารถรับแรงได้
มากกว่ากระจก Clear Float Glass ถึง 2-3 เท่าในกระจกที่มีความหนาที่เท่ากัน ผิวของ
กระจกจะแข็งส่งผลให้เมื่อแตกจะมีลักษณะเป็นปากฉลามยึดติดอยู่กับกรอบไม่ร่วงหล่นเหมือนกระจก
นิรภัยเทมเปอร์ 


5.กระจกสะท้อนรังสีจากดวงอาทิตย์ (Solar Reflective Glass)
กระจกที่นำเอากระจกธรรมดามาเคลือบผิวด้วยโลหะออกไซด์ที่มีค่าการสะท้อนแสงค่อนข้างสูงส่งผลให้
ความโปร่งแสงค่อนข้างน้อยซึ่งทำให้คนภายนอกอาคารสามารถมองเข้ามาภายในอาคารได้ลำบากใน
ขณะที่คนที่อยู่ภายในอาคารสามารถมองออกไปภายนอกได้ดีกว่า กระจกชนิดนี้มีหลากหลายสีขึ้นอยู่กับโลหะและวิธีการที่ใช้ในการเคลือบ 


6.กระจกลามิเนตนิรภัยหลายชั้น (Laminated Safety Glass)
กระจกที่ประกอบด้วยกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไป มาประกบหรือติดด้วย PVB (Poly Vinyl Butyral) ซึ่งมักจะนำเอากระจกชนิดต่างๆ จากที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น นำมาประกอบกันเพื่อให้ได้
กระจกที่มีคุณสมบัติตามที่ผู้ใช้งานต้องการโดยสาเหตุที่เรียกกระจกชนิดนี้ ว่ากระจกนิรภัยด้วยอันเนื่อง
มาจากเมื่อกระจกประเภทนี้เมื่อแตกกระจกจะติดกับ PVB ไม่ร่วงหล่นจากกรอบ


7.กระจกฮีตมิเรอร์ (Heat Mirror Glass)
เป็นกระจกที่ประกอบด้วยกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปโดย กระจกที่จะอยู่ด้านนอกของอาคาร จะเคลือบ
สารที่ทำให้เกิดสภาพการแผ่รังสีที่ต่ำมาประกอบกันโดยมีช่องว่าง ซึ่งบรรจุอากาศแห้งอยู่ระหว่างแผ่น
กระจก ส่งผลให้มีคุณสมบัติเป็นฉนวน ช่วยรักษาอุณภูมิภายใน


8.กระจกฮีตสต๊อป (Heat Stop Glass)
เป็นกระจกที่มีลักษณเหมือนกระจกฮีตมิเรอร์แต่จะแตกต่างที่มีกาซอาร์กอนซึ่งบรรจุในช่องว่างแทนส่งผล
ให้สามารถสะท้อนความร้อนออกไปจากกระจกได้มากกว่ากระจกฮีตมิเรอร์


9.กระจกลวดลาย (Pattern Glass)
การนำเอากระจกโฟลตที่ยังไม่แข็งตัวมาเข้ากระบวนการโดยผ่านลูกกลิ้ง ที่มีพิมพ์ลวดลายติดอยู่ ส่งผล
ให้เกิดลวดนูนหรือลึกบนผิวของกระจกด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้ง 2 ด้าน ก่อให้เกิดลวดลายที่สวยงาม
แปลกตามักนิยมใช้ในงานตกแต่งแต่ในขณะเดียวกันเนื่องจากพื้นผิวที่ไม่เรียบของกระจกประเภทนี้จึงไม่
สามารถนำไปทำกระจกนิรภัยได้ทั้งยังสามารถรับแรงได้น้อยกว่า1 ใน 3 เท่าของกระจกใสที่มีความ
หนาเท่ากัน


10. กระจกเสริมลวด (Wired Glass)
กระจกที่ใส่แผงตาข่ายลวดลงในกระจกขณะที่กระจกหลอมเหลว เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแรงส่งผลให้
เป็นกระจกที่มีความแข็งแรงสูงและถือเป็นกระจกนิรภัยชนิดหนึ่งเนื่องจาก เมื่อกระจกแตกจะเป็นเม็ดละเอียด
และติดอยู่กับแผงตาข่ายลวด


11. กระจกทนไฟ (Fire Resistance Glass)
เป็นกระจกนิรภัยชนิดหนึ่งผลิตขึ้นจากกระจกนิรภัยชนิดพิเศษ และนำไปประกบกับกระจกนิรภัยหลาย ๆ ชั้น โดยมี Sodium Silicate มาทำลามิเนตกันจนมีคุณสมบัติสามารถทนไฟได้นานสุด 2 ชั่วโมง
โดยไม่เสียรูป ป้องกัน ไฟ ควันและลดความร้อนที่จะเข้ามาสู่ภายใน


                             จากบทความในจุลสาร ACS ฉบับเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม
http://www.hpihightech.com/




วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Spider SQ Series, SUS304, SUS316, CF8, CF8M

เพิ่มคำอธิบายภาพ
SQ Series แบบทรงสี่เหลี่ยม
คุณสมบัติ
     - ชิ้นงานหล่อสำเร็จรูป ด้วยกระบวนการระบบ  Lost wax casting
     - Spider glass fitting ใช้สำหรับยึดกระจกตกแต่งภายใน และอาคารสูง
วัตถุดิบ
     - สแตนเลส Stainless steel SUS304, SUS316, CF8, CF8M
     - หรือหล่อตามเกรดที่ต้องการ คุณภาพมาตรฐาน ASTM
Finished
     - ผิวพ่นทราย Stand blast, ผิวซาติน Hair line, ผิวกระจก Mirror, ผิวซ๊อตเงาด้วยไฟฟ้า Electrolysis ฯลฯ

ประเภทของสเตนเลส

ซึ่ง โดยทั่วไปสเตนเลสแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ตามโครงสร้างคือ ออสเทนนิติค เฟอร์ริติค ดูเพล็กซ์ มาร์เทนซิติค และเหล็กกล้าชุบแข็งแบบตกผลึกตระกูลออสเทนนิติค (Austenitic)หรือที่รู้จักกันใน "ซีรี่ส 300" ซึ่งประมาณได้ว่า 70 เปอร์เซนต์ของการผลิตสเตนเลสในโลกนี้เป็นสเตนเลส


ตระกูลออสเทนนิติค (Austenitic) ที่ ประกอบด้วยคาร์บอนอย่างน้อย 0.15 เปอร์เซนต์ มีส่วนผสมของโครเมียมอย่างน้อย 16 เปอร์เซนต์ และ นิกเกิล หรือซึ่งช่วยปรับปรุง คุณสมบัติในการขึ้นรูปประกอบและเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อน บางเกรดจะมีแมงกานีสผสมอยู่ด้วย โดยทั่วไปจะมีโครเมียม 18 เปอร์เซนต์ นิกเกิ้ล 10 เปอร์เซนตื และมักเรียกกันว่า 18/10 ซึ่งคล้ายกับ 18/0 และใ18/8

ตระกูลเฟอร์ริติค (Ferritic) มีสมบัติดูดแม่เหล็ก มีโครเมียมเป็นธาตุผสมหลักระหว่าง 10.5-27 เปอร์เซนต์ บางเกรดผสมนิกเกิ้ลลงไปเล็กน้อย บางเกรดผสมโมลิบดินัม หรืออลูมิเนียม ไททาเนียม

ตระกูลมาร์เทนซิติค (Martensitic) เป็น ตระกูลที่มีความต้านทานการกัดกร่อนน้อยกว่าออสเทนนิติค และเฟอร์ริติค แต่มีความทนทานและแข็งแรงมากกว่า มีคุณสมบัติดูดแม่เหล็ก โดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของโครเมียม 14 เปอร์เซนต์ โมลิบดินัม 0.2-1 เปอร์เซนต์ มีนิกเกิ้ล 0-2 เปอร์เซนต์และมีคาร์บอนผสม อยู่ประมาณ 0.1-1 เปอร์เซนต์ ซึ่งสามารถชุบแข็งได้โดยการให้ความร้อนแล้วทำให้เย็นตัวอย่างรวดเร็วและอบ คืนตัว โดยทั่วไปจะรู้จักกันใน "ซีรี่ส -00"

ตระกูลดูเพล็กซ์ (Duplex) เนื่องจากมีโครงสร้างผสมระหว่าง โครงสร้างเฟอร์ไรต์และออสตไนต์ จึงทำให้มีความแข็งแรงมากกว่าออสเทนนิติคและมีความทนทานต่อการกัดกร่อนชนิด รูเข็ม ซอกอับ มีโครเมียมเป็นธาตุผสมอยู่ระหว่าง 19  ถึง 28 เปอร์เซนต์ โมลิบดินัมสูงกว่า  5  เปอร์เซนต์ และมีนิกเกิลน้อยกว่าตระกูลออสเทนนิติคใช้งานมากในสภาพแวดล้อมที่มีคลอไรด์ สูง

ตระกูลเพิ่มความแข็งโดยการตกผลึก มี ความต้านทานกการกัดกร่อนเทียบเคียงกับตระกูลออสเทนนิติค มีความแข็งแรงมากกว่าตระกูลมาร์เทนซิติค เกรด 17-4H ที่รู้จักกันทั่วไป มีโครเมียมผสมอยู่ 17 เปอร์เซนต์และมีนิกเกิล 4 เปอร์เซนต์ ทองแดง และไนโอเบียม ผสมอยู่ด้วย เนื่องจาก สเตนเลสชนิดนี้สามารถชุบแข็งได้ในคราวเดียว จึงเหมาะสำหรับทำแกน ปั๊มหัววาล์ว และส่วนประกอบของ อากาศยาน

แนวทางการป้องกันการเสื่อมสภาพ 2 ขั้นตอน

1. ขั้นตอนในการออกแบบให้คำนึงถึงส่วนประกอบที่ต้องสัมผัสกับวัสดุอื่นโลหะ น้ำหรือของเหลว ในขณะการใช้งาน กล่าวคือ
เลือกใช้งานสแตนเลสชนิดที่เหมาะสมกับการใช้งาน
การออกแบบต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้มีที่ว่างหรือช่องแคบ
คำนึงถึงความสะดวกในการทำความสะอาด
หลีกเลี่ยงการออกแบบที่สแตนเลสสัมผัสกับโลหะต่างชนิดเพื่อป้องกันการเกิดการกัดกร่อนแบบ เซลล์ไฟฟ้าเคมี

2. การผลิตชิ้นงาน และการติดตั้ง
ถ้าชิ้นงานมีฟิล์มพลาสติกเคลีอบอยู่เพื่อป้องกันผิวจากรอยขีดข่วนควรลอกพลาสติกที่เคลือบอยู่ ออกหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการขั้นสุดท้าย หรือโดยเร็วที่สุดหลังจากการติดตั้งชิ้นงาน หรือเก็บชิ้นงานไว้กลางแจ้ง และในกรณีที่มีคราบสกปรกให้ทำความสะอาดด้วยสารทำความสะอาดที่เหมาะสม และล้างออกด้วยน้ำสะอาดจนหมดจด
สิ่งที่ควรทำหลังจากการขึ้นรูปนูนต่ำ ลากขึ้นรูปลึก และการขึ้นรูป ควรใช้เครื่องมือที่สะอาดไม่มีเศษตกค้างของเหล็กและเหล็กกล้าจากงานอื่นๆ อยู่ ใช้น้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสม ส่วนการขจัดคราบน้ำมัน ควรใช้สารละลายทำความสะอาดที่ผ่านการกลึงเจาะ ไสอาจจะนำไปผ่านกระบวนการพาสซิเวขั่น เพื่อป้องกันการกัดกร่อนที่อาจเกิดขึ้นได้ควรเช็ดหรือทำบริเวณที่มีน้ำตก ค้างให้แห้ง เพื่อป้องกันคราบน้ำที่อาจเกิดขึ้น

วิธีการทำความสะอาดสำหรับคราบสกปรกทั่วๆ ไป
คราบสกปรก วิธีการทำความสะอาด
รอยนิ้วมือ ล้างด้วยสบู่ ผงซักฟอก หรือสารละลาย เช่น แอลกอฮอล์ หรืออาเซโทน ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง
น้ำมัน , คราบ ล้าง ด้วยสารละลายไฮโดรคาร์บอน / ออร์กานิก (เช่น แอลกอฮอล์) แล้วล้างด้วยสบู่ / ผงซักฟอกอย่างอ่อน และน้ำ ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง แนะนำให้จุ่มชิ้นงานให้โชกก่อนล้างในน้ำสบู่อุ่นๆ
สี ล้างออกด้วยสารละลายสี ใช้แปรงไนล่อนนุ่มๆ ขัดออก แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นและเข็ดให้แห้ง
Carbon Deposit or Baked-on จุ่มลงในนำ้ ใช้สารละลายที่มีแอมโมเนียเ็ป็นส่วนประกอบ ล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็ดให้แห้ง
เปลี่ยนสีเนื่องจากความร้อน ทา ครีม (เช่น บรัสโซ) ลงบนแผ่นขัดที่ไม่้ได้ทำจากเหล็ก แล้วขัดคราบที่ติดบนสแตนเลสออก ความร้อนขัดไปในทิศทางเดียวกันกับพื้นผิว ล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็ดให้แห้ง
ป้ายและสติกเกอร์ จุ่มลงในนำ้สบู่อุ่นๆ ลอกเอาป้ายออกแล้วถูกาวออกด้วยเบนซิน ล้างออกด้วยสบู่และน้ำ จากนั้นให้ล้างด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ
รอยน้ำ / มะนาว จุ่ม ลงในน้ำสัมสายชูเจือจาง (25%) หรือกรดไนตริก (15%) ล้างให้สะอาด ล้างออกด้วยสบู่และน้ำ จากนั้นล้างให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ
คราบชา - กาแฟ ล้างด้วยโซดาไบคาร์บอเนตในน้ำ ล้างออกด้วยสบู่และน้ำจากนั้นล้างให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ
คราบสนิม จุ่ม ในน้ำอุ่นท่มีส่วนผลมสารละลายกรดไนตริก ในอัตราส่วน 9 ต่อ 1 ประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด หรือล้างผิวด้วยสารละลายกรดออกชาลิคทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็ดให้แห้งหรือต้องใช้เครื่องมือล้างหารคราบสนิมติด แน่น

AboutUS

บริษัท ไฮเทค พรีซีชั่น อินดัสเตรียล จำกัดhttp://www.hpihightech.com/

เราเป็นผู้นำด้านการหล่อโลหะ สแตนเลส เหล็กคาร์บอน เหล็กเหนียว ทุกรูปแบบ ทุกเกรด ด้วยกระบวนการหล่อแบบขี้ผึ้ง Lost wax casting มีโรงงานผลิตตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยมีสินค้าที่ส่งออกและจำหน่ายในประเทศ สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิเช่น อุตสาหกรรมด้านน้ำมัน, อุตสาหกรรมด้านน้ำยาเคมี, อุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องจักรและยานยนต์, อุตสาหกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่ม, อุปกรณ์ประปา, เครื่องสุขภัณฑ์ อีกทั้งยังจำหน่าย และรับผลิตอุปกรณ์ติดตั้งกระจกนิรภัยสำหรับงาน  Shower Room, ราวกันตกกระจก, ราวบันไดกระจก, บันไดกระจก, กันสาดกระจก (Glass Canopy), Sky Light, และอุปกรณ์สำหรับยึดกระจกสำหรับอาคารสูง อาทิเช่น Spider, Routel, Spider Fitting, Tension Glass Connector ภายใต้แบรนด์  HPI


ด้วยประสบการณ์ที่มีมากกว่า 20 ปี ทำให้เรามีความสามารถและความชำนาญในด้านการผลิตสูง คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย และควบคุมกระบวนการผลิตตามมาตรฐาน ISO 9001:2000 ทางบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นให้มีการพัฒนาในด้านเทคนิคต่างๆ อย่างต่อเนื่องจากทีมวิศวกรผู้ชำนาญ จึงทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำทั่วไป